วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คิดแล้วไม่เครียด

1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน'
คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คน ที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น'
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน '
' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
'ตัณหา'ที่มี ปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม'
ทุกอย่าง ต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม < /FONT>เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือ ถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า 'เิกิดมาทำไม' คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ
คำว่า 'พอดี' คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี' รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'

ทุกลลมหายใจเพื่อเรา

ทุกลมหายใจเพื่อ เรา

        เด็กน้อยคนหนึ่งอยากได้ของเล่นมากจึงไปนั่งร้องให้อยู่ที่ใต้ต้นไม่ใหญ่ ต้นไม้ใหญ่จึงถามเด็กน้อยว่า..."ร้องไห้ทำไม? เด้กน้อยตอบว่า...ผมอยากได้ของเล่นแต่ไม่มีเงินซื้อ ต้นไม่ใหญ่จึงบอกกับเด็กน้อยว่า..."หนูจงตัดกิ่งไม้ของฉันไปจำนวนหนึ่ง เอาไปขายเพื่อซื้อของเล่นที่อยากได้ ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ซื้อขนมกิน" เด็กน้อยเปลี่ยนสีหน้าจากเศร้าโศกเป็นดีใจทันที แล้วทำตามที่ต้นไม้ใหญ่บอก...
        เวลาผ่านไปเด็กน้อยก็โตขึ้นเป็นหนุ่ม อยากจะแต่งงาน แต่ขาดเงินค่าสินสอดทองหมั้นและค่าจัดงาน จึงไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม เล่าความรู้สึกของตน เมื่อต้นไม้ใหญ่ได้ฟังจึงบอกหนุ่มน้อยว่า "จงเก็บผลไม้ที่มีอยู่ในต้นไม้ ใหญ่ไปขายให้เพียงพอกับค่าสินสอดและค่าจัดงาน เงินที่เหลือให้เก็บไว้ใช้ในครอบครัวใหม่" หนุ่มน้อยดีใจรีบทำตามที่ต้นไม้ใหญ่แนะนำ
        เมื่อหนุ่มน้อยเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อยากทำการค้าขาย แต่ขาดเงินลงทุนจึงไปที่ต้นไม้ใหญ่และขอให้ต้นไม้ใหญ่ช่วย ต้นไม้ใหญ่บอกว่า "จงตัดต้นไม้ต้นนี้ไปได้เลย นำไปขาย น่าจะได้เงินทำทุนมากเพียงพอ" ชายหนุ่มขอบคุณและรีบทำตามคำแนะนำของต้นไม้ใหญ่
        ไม่นานต่อมา ชายหนุ่มก็กลับมาด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า ท้อแท้ นั่งร้องไห้ที่ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิม ซึ่งขณะนี้ต้นไม่ใหญ่เหลือแค่...ตอไม้ใหญ่.. แล้วชายหนุ่มก็บอกกับตอไม้ใหญ่ว่า...ธุรกิจที่ทำอยู่ล้มละลาย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอไม้ใหญได้ฟังดังนั้นก็พูดปลอบใจชายหนุ่ม แล้วชักชวนชายหนุ่มด้วยคำพูดที่อบอุ่นว่า "มานั่งพักผ่อนบนตอไม้ให้สบาย ใก่อนแล้วค่อยๆคิดหาทางแก้ไขต่อไปนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง"
                                                                         จริยา งามมิตรสมบุรณ์
       
        หากต้นไม้ใหญ่เปรียบเสมือนคุณพ่อคุณแม่ของเรา ในวันเด็กท่านจะคอยดูแลเรา เราอยากได้อะไรก็ร้องขอ ท่านก็จะหามาให้ โตขึ้นก็ได้รับการศึกษาที่ดี (ดีที่สุดเท่าที่ท่านสามารถทำได้ ณ ขณะนั้น) จะแต่งงานหรือลงทุนทำอะไรท่านก็คอยสนับสนุน ถึงแม้ยามที่เราเหนื่อยสุดๆ หรือท้อสุดๆ คุณพ่อคุณแม่ก็เป้นร่มเงาและเป็นที่พักพิงให้เราได้เสมอ แม้วันนั้นอาจเป็นวันที่ท่านมีสังขารที่ร่วงโรยแล้ว ไม่เหลืออะไรเลย หรือบางท่านก็อาจจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้วด้วยซ้ำไป...แต่ท่านยังคง เป็นบุคคลที่รักและห่วงใยเรามากที่สุด...ตราบจนท่านสิ้นลมหายใจ...

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทุกลมหายใจของเราเพื่อใคร


  • ทุกลมหายใจของเราเพื่อใคร
        เวลาไม่มีเงิน...คนแรกที่คิดถึงคือ...พ่อและแม่
        แต่พอมีเงิน...คนแรกที่คิดถึงคือ...แฟนและเพื่อน
        อยากได้รถ...คนแรกที่คิดถึงคือ...พ่อและแม่
        แต่พอมีรถ...คนแรกที่คิดถึงคือ...แฟนและเพื่อน
ร้านอาหารหรูๆ บรรยากาสคลาสสิค มีไว้สำหรับ...แฟนและเพื่อน
อาหารบนโต๊ะที่บ้าน มีไว้สำหรับ...พ่อและแม่
โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า มีไว้สำหรับ...แฟนและเพื่อน
ทีวีและสวนหน้าบ้าน มีไว้สำหรับ...พ่อและแม่

  •  พ่อและแม่...คิดบัญชีค่าใช้จ่ายก่อนนอนเพื่อความอยู่รอด

  • ลูก...นอนคุยโทรศัพท์ เล่นอินเตอร์เน็ทก่อนนอน เพื่อให้หลับฝันดี

  • เวลาเรามีความสุขเรามักคิดถึง...แฟนและเพื่อน

  • เวลาเรามีความทุกข์...คนที่กังวล และเศร้าสลดใจคือ...พ่อและแม่
เวลาประสบความสำเร็จ...เรามักจะมองหา...แฟนและเพื่อน เพื่อนัดเลี้ยงฉลอง
แต่คนที่ดีใจที่สุดคือพ่อและแม่..กลับกลายเป็นคนที่เรามองข้ามไป
ลูก...ไปรื่นเริงตามโรงหนัง เธค ผับ โต๊ะสนุ้กเกอร์  ร้านเกมส์
พ่อแม่...กำลังทำงานหรือนอนหลับเก็บแรงไว้ทำงานหาเงิน
เพื่อแลกกับความสุขของ...ลูก   อยากให้...ลูกได้เรียนสูงๆ

  • เวลาแต่งงานคนที่เป็นธุระหาสินสอดทองหมั้นให้คือ...พ่อและแม่

  • ส่วนคนที่มีความสุขคือ...ลูก

  • พ่อแม่...ตำหนิตักเตือน บางครั้งเต็มไปด้วยอารมณ์ เพื่อให้ลูกได้ดี

  • แต่...ลูกคิดว่าสิ่งที่พ่อและแม่พูดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ น่าเบื่อหน่าย

  • พ่อและแม่...เป็นผู้ฟันฝ่าปัญหาพันประการเพื่อ...ลูก

  • แต่พอ...ลูกมีปัญหามา คิดได้แค่ ท้อถอย หดหู่ อยากตาย

  • พ่อและแม่...คือผู้ที่ปกป้องลูกจวบจนชีวิตจะหาไม่

                                                             สุภัคสินี ศิลปวิทยาทร